หนึ่งในงานกาแฟที่เรียกได้ว่ามีอิทธิพลในเหล่าบรรดางานกาแฟที่มีอย่างมากมาย งานกาแฟที่บอกเล่าทุกเรื่องราวกาแฟในทุกแง่มุม คงเป็นงานอื่นไม่ได้เลย นอกจากงาน World Of Coffee(WOC) ในงานนี้รวบรวมทั้ง ผลิตภัณท์ นวัตกรรม เทคโนโลยี การแข่งขัน ชั้นเรียน ที่ทาง Specialty Coffee Association (SCA) จัดงานนี้ขึ้นทุกปีในหลากหลายประเทศ และในปี 2022 งานนี้ก็ได้จัดขึ้นที่ Milan ในอิตาลี ระหว่างวันที่ 23-25 กรกฎาคม แน่นอนว่า ปีนี้ไม่พลาดงานนี้แน่นอนค่ะ!!
บัตรเข้างานครั้งนี้ 3 days pass 60 หรือ 2800 บาท ซึ่งข้อมูลในบทความนี้ จะช่วยตอบคำถามสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจในการซื้อบัตรงานครั้งต่อๆไป บัตรมีทั้งแบบ 1, 2 และ 3 วัน หลังจากที่ซื้อบัตรแล้ว ก็ดาวน์โหลดแอพ WOC Milan เพื่อเช็คข้อมูลและกำหนดการต่างๆของงาน
พื้นที่การจัดงานแบ่งหลักๆเป็น
โซนแข่งขัน ซึ่งเวทีการแข่งขันจะถูกจัดให้อยู่ในแต่ละมุมของพื้นที่จัดงาน
โซนเรียนรู้ (SCA Education Hub) จะเป็นห้องเรียนสำหรับชั้นเรียนต่างๆจาก SCA
โซนโรงคั่ว(Roaster Village) เรียกได้ว่ารวบรวมร้านกาแฟและโรงคั่วต่างๆมาแบ่งปันกาแฟกันที่โซนนี้
โซนสินค้า ซึ่งรวบรวม อุปกรณ์ซึ่งครอบคลุมส่วนของอุตสาหกรรมกาแฟ ตัวแทนนำเข้าส่งออก Green bean และนวัตกรรมใหม่ๆ
โดยการจัดงานหลักๆ จะเน้นในเรื่องของการทำสัญญา(Contract) มากกว่าการซื้อขาย เราซึ่งเตรียมเงินไป คือซื้ออะไรแทบไม่ได้เลย แต่เราสามารถตามไปอุดหนุนจากตัวแทนจำหน่ายทีหลังได้ค่ะ
วันที่ 1 ก่อนทางเข้างานทุกคนจะต้องลงทะเบียน และได้รับ Badge ตามชนิดที่ซื้อ พร้อมของที่ระลึกจาก BWT หลังการลงทะเบียน ก็เดินสำรวจบูทกาแฟต่างๆ ที่นำเสนอตัวอย่างกาแฟหลากหลายที่มา ในกรณีของเราเลือกที่จะทานกาแฟจากบูท Guatemala ก่อนที่จะพร้อมสำหรับชั้นเรียนของ SCA ซึ่งได้กลายเป็นกิจวัตรตลอด 3 วัน สามารถเช็คตารางชั้นเรียนได้จากลิงค์นี้ค่ะ : https://worldofcoffee.org/schedule-of-events
ในบรรดาชั้นเรียนต่างๆ ชั้นเรียนในวันแรก มาในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์ของ นมวัว” : การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของนมทางกายภาพและรสชาติ (เนื้อหาในบทเรียน จะอยู่ในบล็อกถัดไป*) นอกจากชั้นเรียนนี้การเรียนรู้ของเราก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วัน
อีกชั้นเรียน ที่หัวข้อน่าสนใจและใกล้ตัวมากๆ ก็คือ “น้ำที่ดี สามารถเปลี่ยนชีวิตของบาริสต้าได้อย่างไร?” ชั้นเรียนนี้เป็นอีกหัวข้อที่น่าสนใจมากๆกาแฟดำหนึ่งแก้ว สัดส่วนและปัจจัยที่ส่งผลต่อกาแฟแก้วนั้น หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ คือกาแฟ40% น้ำ40% อุปกรณ์ 10% และ บาริสต้า10% (สัดส่วนต่อ Black coffee ซึ่งถ้า Espresso เปอร์เซ็นต์ของกาแฟก็จะเพิ่มมากขึ้น) ทำให้น้ำ กลายเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟของคุณได้มากกว่าที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป โดยรายละเอียดของหัวข้อนี้ จะแตกไปอีกบทความเช่นกันค่ะ**
โดยทั่วไปของวัน เลือกที่จะปิดท้ายช่วงบ่าย หลังมื้อกลางวันด้วยการเข้าร่วม Cupping rooms ซึ่งจัดการโดย CQI (Coffee Quality Institute) และหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Fine Robusta ซึ่งได้มีการรวม ตัวอย่าง Fine Robusta จากหลากหลายมุมทั่วโลก อาทิ ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ซึ่งขอบอกเลยว่า วินาทีแรกที่ได้สัมผัส Aroma ของกาแฟเหล่านี้คือหอมมาก เรียกได้ว่ากาแฟ 10 ตัวอย่างนี้คือผลลัพธ์ของความพยายามและความใส่ใจ ซึ่งต้องเป็นหนึ่งในความภูมิใจของผู้ผลิตกาแฟเหล่านี้อย่างแน่นอน
จบวันแรกไปแบบเต็มไปด้วยสาระกาแฟและกาแฟหลายแก้วเช่นเดียวกัน กลับไปบ้าน นอนเต็มอิ่มก็มาต่อวันที่ 2 และ 3 ด้วยบทเรียนที่เต็มไปด้วยสาระเช่นเคย ช่องว่างของคลาสก็คือการไปชิมกาแฟตามบูธต่างๆ ซึ่งจากนี้จะเป็นการเล่าด้วยภาพสำหรับบรรยากาศงานนะคะ
Photobooth : Coffee Bean Booths
Photobooth : Coffee Innovation Products
หวังว่าเรื่องราวในกิจกรรม WOC ที่เขียนขึ้นครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้คนที่มีความสนใจในงานกาแฟนี้ หลังจากจบงาน ก็ได้แต่ตั้งตาตั้งใจรองานปีถัดไป ที่จะจัดขึ้นที่ เอเธนส์ ประเทศกรีซค่ะ #Passionrista #WOCMilan #Worldofcoffee #SCA
Comments