1. The Antico Caffe Greco
Greco เป็นร้านกาแฟร้านแรกในโรม ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1790. ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ๆผู้คนจะนิยมชมชอบที่จะดื่มกาแฟที่นี่ หากแต่ยังเป็นสถนที่รวมตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียงหลากหลายทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ เช่น Goethe, Giogio De Chirico, and Charles Baudelatre.
ในขณะที่ร้านเต็มไปด้วยเรื่องราวและประวัติมากมาย หากแต่เมนูกาแฟของทางร้านกลับเรียบง่าย ทางร้านเสิร์ฟกาแฟเพียง 2 เมนู นั่นคือ Caffe (espresso) และ Cappuccino โดยที่สไตล์การเสิร์ฟก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมกาแฟของอิตาลีอย่างครบถ้วน จานรองแก้วและช้อนจะถูกเสิร์ฟวางไว้ที่หน้าบาร์แทบทันทีที่คุณออเดอร์จบ และไม่กี่วินาทีกาแฟของคุณก็พร้อมตรงหน้าแล้ว วัฒนธรรมกาแฟที่นี่คือ จิบแล้วไป ดังนั้นจะสังเกตได้ถึงเก้าอี้ที่ว่างเปล่าไร้คนจับจองที่ร้าน
อย่างแรกเมื่อคุณเข้าไปในร้าน สามารถออเดอร์กาแฟและขนมได้ที่เคาท์เตอร์ จากนั้นนำใบเสร็จไปที่หน้าบาร์ และแทบจะทันทีที่บาริสต้ารับใบเสร็จไป จานรองและช้อนก็ถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าคุณเรียบร้อย ที่ร้านนี้จะเสิร์ฟช็อกโกแลตที่เคลือบด้วยเมล็ดกาแฟเคียงมาบนจานรอง จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา กาแฟก็พร้อมทานอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว จากนั้นก็ใช้ช้อนคน ช็อตเพื่อให้รสชาติครีม่าด้านบนเข้ากันกับกาแฟและไม่เกิดรสขมนั้น บอกได้เลยว่า อร่อย และประทับใจจนต้องกลับมาทานอีกครั้งในวันต่อมา พร้อมกับออเดอร์ขนมยอดนิยมของอิตาลีอย่าง Cannoli
ร้านกาแฟนี้ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงที่เปิดทำการมาอย่างยาวนานในโรม หากแต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาต เอกลักษณ์ของกาแฟ ถ่ายทอดผ่านเวลากว่า 260 ปี ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยค่ะ
2. Sant' eustachio il caffè
"ซานต์ อุสตาคคิโอ" หรือร้านที่ผู้คนเรียกและจดจำถึง “ร้านกาแฟสีเหลือง” ในกรุงโรม ร้านนี้เปรียบเหมือนร้านกาแฟแลนด์มาร์กอีกแห่งของโรมไปแล้ว แม้ว่ากาแฟร้านนี้จะไม่ได้มีประวัติยาวนานเช่นร้าน Grego หากแต่ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่เต็มไปด้วยคุณภาพที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1938
แถวของผู้คนที่ต่อคิวรอ อาจจะทให้คุณตกใจไม่น้อย แต่การจัดการของร้านนั้น ไม่ได้ทำให้คุณต้องคอยนานเลย เช่นเดียวกันกับร้านกาแฟส่วนใหญ่ในอิตาลี กับการเดินไปสั่งเครื่องดื่มและขนมที่เคาท์เตอร์ จากนั้นก็หาที่ยืนที่หน้าบาร์ พร้อมยื่นบิลให้กับบาริสต้า ไม่กี่นาที กาแฟของคุณก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
กาแฟที่เป็นเหมือนไอคอนของร้านก็คือ Gran Caffe เป็นกาแฟที่มีความเข้มของเอสเปรสโซ่ แต่มีการนำชอตไปทำให้มีความสมูทมากขึ้น(สังเกตได้จากฟองกาแฟที่มาแทนครีมม่า ในเอสเปรสโซ่) ทำให้การจิบชอตแก้วนี้มีทั้งความสมูท และ บอดี้หนักแน่น กลมกล่อม ตามแบบฉบับกาแฟอิตาลี
อีกเมนูหนึ่งที่แนะนำไม่แพ้กันมีชื่อว่า“Monachella” เป็นการผสมผสานระหว่างกาแฟและช็อกโกแลตเข้มข้นอย่างลงตัว มาพร้อมกับวิปครีมที่ให้รสสัมผัสนุ่ม ละมุน เมื่อจิบไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการผสานรสาติของวัตถุดิบได้อย่างลงตัวและไม่มีตัวไหนโดนกลบเลย และนี่เป็นเพียง 2 เมนูจากอีกหลากหลายเมนูของทางร้านเท่านั้น
ร้าน Sant' Eustachio Il ไม่เพียงแต่เสิร์ฟกาแฟรสชาตเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีผลิตภัณท์จากกาแฟที่หลากหลายจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟ(Moka pot), เมล็ดกาแฟพร้อมทานรูปแบบแคปซูล และของหวานเช่น ช็อกโกแลตที่เคลือบเมล็ดกาแฟไว้ด้านในเป็นอีกขนมทานเล่นที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ในหมู่คอกาแฟ และนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาของฝากจากเมืองแห่งกาแฟแห่งนี้
3. Faro Specialty Coffee
“The independent specialty coffee in Rome” คือคำกล่าวหนึ่งบนเสื้อของบาริสต้าที่ร้าน Faro Specialty Coffee ซึ่งเตะตาเราไม่น้อย อย่างที่ในประวัติศาสตร์ของกาแฟเคยกล่าวถึงไว้ ในเรื่องของ Third Wave of Coffeeหรือที่รู้จักกันในรูปแบบของ Specialty Coffee ซึ่งเป็นวัฒนธรรมทางกาแฟที่ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพของกาแฟ ไม่ใช่แค่ปลายทาง แต่ให้ความสำคัญของทุกๆ ห่วงโซ่ ในอุตสหกรรมกาแฟ ตั้งแต่ไร่กาแฟ จวบจบผู้บริโภค
ทานกาแฟที่นี่คุณสามารถเลือกได้ว่าอยากยืนบาร์ทานแบบฉบับอิตาลี หรือจะนั่งทานโต๊ะก็ได้(ราคานั่งโต๊ะจะแตกต่างจากยืนบาร์ราวๆ 50 เซนต์หรือ 20 บาท) บาริสต้าที่กระฉับกระเฉงก็พร้อมบริการอย่างเป็นมิตร และด้วยเมล็ดกาแฟที่ทางร้านมีอย่างหลากหลาย
บาริสต้าและสตาฟพร้อมแนะนำเมล็ดกาแฟ ที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้อย่างตรงตามความต้องการ หลังจากที่ได้ทานกาแฟของทางร้านไปหลายแก้ว และเพลิดเพลินกับกาแฟของร้านที่มีอย่างมากมายแล้ว ร่างกายก็เริ่มส่งสัญญาน Caffeine Overdosed จนต้องหยุดการดื่มไว้เพียงเท่านี้ก่อน
นอกจากจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของกาแฟแล้ว ทางร้านก็ให้ความสำคัญในเรื่องของการค้าขายอย่างเป็นธรรมกับไร่กาแฟต่างๆ คุณสามารถอ่านข้อมูลกาแฟอย่างตรงไปตรงมาจาก coffee tasing cards ที่ร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับกาแฟที่คุณเลือก
แทบจะไม่มีเผตุผลให้ต้องสงสัยเลยว่าทำไมร้านเหล่านี้ จึงเป็นร้านที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อคุณไปที่ Rome
Commentaires